ความบาดหมางระหว่าง เอฟร่า กับ ซัสเรซ

เอฟร่า กับ ซัสเรซ เชื่อว่าหลายๆ คนที่เป็นแฟนบอลของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและแฟนบอลของทีมลิเวอร์พูลนั้น คงจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่าง เอฟร่า และ ซัวเรซได้เป็นอย่างนี้เพราะเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นนี้สะเทือนไปทั้งวงการของฟุตบอลอังกฤษและรวมมทั้งฟุตบอลของทั่วโลกเลยก็ว่าได้ละครับและในวันนี้เราจะมาย้อนกลับไปดูความบาดหมางที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ชายทั้งสองคนนี้กันครับว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร่และจบลงได้อย่างไรครับ

 

ขออนุญาติย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2011 มันเป็นเกมส์การแข่งขันระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเจอกับทีมลิเวอร์พูลซึ่งเป็นเกมส์การแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดบนเกาะอังกฤษอย่าง เอฟ เอ คัฟ ซึ่งในเกมส์วันนั้นมีการประทะกันของผู้เล่นทั้งสองฝ่ายอย่างหนักหน่วงในเกมส์การแข่งขันและไฮไลท์ที่เป็นจุดสำคัญคงหนี้ไม่พ้นคู่ของ เอฟร่า และ ซัวเรซ ซึ่งทั้งคู่ปะทะคารมกันอย่างดุเดือดตลอดทั้งเกมส์และฉนวนสำคัญที่สุดที่ทำให้เรื่องนี้โด่งดังไปทั่วโลกก็คือ ซัวเรซ กองหน้าขวัญใจของเหล่า เดอะค๊อปในเวลานั้นได้ด่า เอฟร่า ฟูลแบ็คจอมออกทะเลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็จว่า “ ไอ้ดำ ”

ตัวของ เอฟร่า เองได้เล่าให้ฟังว่า ยอดแข็งชาวอุรุกวัย เจตนาที่จะเหยียดหยามเชื้อชาติของเค้าตลอดเวลาที่เค้าทั้งสองคนต้องทำการประกบกันในแมตท์การแข่งขัน ซึ่งซัวเรซได้พูดกับเค้าเป็นภาษาสเปนในทำนองที่ว่า “อย่ามาแตะต้องตัวกู กูไม่อยากคุยกับมึงนิโกร “ ซึ่งหลังจากเกมส์วันนั้นก็มีการสอบสวนกันเกิดขึ้นและผลปรากฏว่า ซัวเรซนั้นมีความผิดจริง โทษฐานที่พูดจาเหยียดเชื้อชาติจึงทำให้ซัวเรซนั้นโดนแบนจากเกมส์ที่สมโสรของเค้าลงเตะไปด้วยกันทั้งหมด 8 แมตท์และโดนปรับเงินไปจำนวนราวๆ 40000 ปอนด์คิอเป็นเงินไทยก็ประมาน 1.6 ล้านบาท

และเอฟร่าก็ยังไม่พอใจที่ นักเตะลิเวอร์พูลในขณะนั้นในการสนับสนุนซัวเรซอย่างออกนอกหน้าทั้งการออกมาปกป้องของทางสโมสรหรือจะเป็นเสื้อที่ตัวนักเตะในที่ลิเวอร์พูลใส่พร้อมกันเพื่อเดินลงสนามในเกมส์แดงเดือดที่ทั้งสองทีมพบกันเพื่อเป็นการบอกเป็นในๆ ว่าทีมของเรานั่นอยู่ข้างซัวเรซ แม้ว่าเค้าพึ่งจะทำผิดหลักมนุษยธรรมก็ตาม และเหตุการณ์ที่ทั้งโลกไม่มีวันลืมนั่นก็คือการเดินจับมือกันก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้นซึ่งนักเตะทั้งสองทีมจะต้องตั้งแถวและเดินจับมือกันซึ่งในครั้งนั้น ซัวเรซก็ได้แสดงจุดยืนให้กับคนทั้งโลกได้เห็นเมือเค้าปฎิเสธที่จะจับมือกับ เอฟร่า ในเวลานั้นจึงทำให้เกิดเหตุชุลมุนกันนิดหน่อย

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นั้นก็ได้ถูกคลี่คลายเมื่อทั้งคู่ได้มีโอกาศได้เจอกันอีกครั้งในศึก ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีค นัดชิงชนะเลิศในปี 2015 ซึ่ง ซัวเรซ อยู่กับบาร์เซโลน่า และ เอฟร่า อยู่กับ ยูเวนตุสและก็มือการจับมือกันก่อนการแข่งขันและหลังจบเกมส์ก็มีการจับมือและพูดคุยอย่างเป็นกันเองและการให้อภัยจึงเกิดขึ้นกับทั้งสองคน

o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o

 

o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o

 

อ่านบทความเรื่อง Zlatan Ibrahimović เรียกข้าว่าพระเจ้า

ขอบคุณบทความดี ๆจากCasinocafe88 โดย เว็บสล็อตฟรีเครดิต 2021

 

o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o

 

o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o